โครงสร้างสถาปัตยกรรมของ Netflix ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เฉพาะในการสร้างระบบสตรีมมิ่งที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้งานระดับโลก ซึ่งสามารถสรุปรายละเอียดของแต่ละส่วนได้ดังนี้:
1. Frontend
- GraphQL: เป็น API Query Language ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดึงข้อมูลที่ต้องการได้ตรงตามความต้องการ ช่วยลดการเรียกข้อมูลที่ไม่จำเป็น เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากสำหรับการเรียกข้อมูลในระบบที่ซับซ้อน
- Kotlin: ภาษาการเขียนโปรแกรมที่ใช้สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันบน Android ซึ่งมีความสามารถในการจัดการ null และลดการเกิดข้อผิดพลาดในโค้ด
- Swift: ภาษาการเขียนโปรแกรมที่ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันบน iOS มีประสิทธิภาพสูงและมีความปลอดภัยในการจัดการโค้ด ช่วยให้แอปพลิเคชันทำงานได้ลื่นไหล
- React: JavaScript library ที่ใช้ในการสร้างส่วนหน้าเว็บไซต์ มีความสามารถในการจัดการ UI ที่เปลี่ยนแปลงแบบ dynamic ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลและรวดเร็ว
- JavaScript: ภาษาที่ใช้สำหรับการพัฒนาเว็บ ทำงานได้ทั้งฝั่งเซิร์ฟเวอร์และฝั่งไคลเอนต์ สามารถสร้างความสามารถ interactive บนหน้าเว็บไซต์ได้
2. Backend
- Spring Boot: Framework สำหรับการพัฒนา Java-based applications ที่ทำให้การสร้างและการปรับใช้งานระบบ backend รวดเร็ว มีความเสถียรและรองรับงานขนาดใหญ่
- Netflix Zuul: เป็น API Gateway ของ Netflix ซึ่งใช้เพื่อจัดการ routing, monitoring, และ filtering ของ requests ที่เข้ามาจากผู้ใช้งาน ช่วยให้การเข้าถึง backend services เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- Cassandra: ระบบฐานข้อมูลแบบ distributed ที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่ มีความสามารถในการเขียนข้อมูลและอ่านข้อมูลอย่างรวดเร็ว แม้ในสภาวะการใช้งานหนัก
- CockroachDB: ฐานข้อมูล SQL แบบ distributed ที่รองรับการใช้งานที่มีข้อมูลมาก และมีการเชื่อมต่อแบบหลายภูมิภาค รองรับการขยายระบบได้ง่าย
- MySQL: ระบบฐานข้อมูลแบบ relational ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับการจัดการข้อมูลที่ต้องการการเชื่อมโยงระหว่างตาราง
3. Streaming Infrastructure
- Kafka: เป็นระบบ distributed message broker ที่รองรับการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ ใช้ในการจัดการข้อมูลการสตรีมแบบต่อเนื่อง
- Flink: ระบบที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลแบบ real-time และ batch processing มีความสามารถในการจัดการข้อมูลที่ไหลเข้ามาต่อเนื่อง
- Amazon S3: บริการจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์จาก AWS ใช้สำหรับจัดเก็บไฟล์สื่อ (media files) ขนาดใหญ่ เช่น วิดีโอที่พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้ทั่วโลก
- AWS Media Services: ชุดบริการจาก AWS ที่ช่วยในการแปลงและจัดการไฟล์สื่อ รองรับการถอดรหัสและสตรีมวิดีโอในหลายรูปแบบ
4. Big Data
- Data Storage: ประกอบด้วย Amazon S3, Snowflake, และ Azure Blob Storage เป็นบริการจัดเก็บข้อมูลที่รองรับการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลการดูของผู้ใช้งาน
- Apache Spark: Framework สำหรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ มีความเร็วสูงและสามารถจัดการข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ได้ (เช่น Batch และ Streaming)
- Tableau: เครื่องมือสำหรับการทำ Data Visualization ที่ช่วยให้สามารถแสดงผลข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและช่วยให้ผู้ใช้งานทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
5. CI/CD (Continuous Integration/Continuous Delivery)
- Jenkins: เป็นระบบ CI/CD ที่ช่วยในการบูรณาการโค้ดแบบอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการ deploy โค้ดเข้าสู่ production
- Spinnaker: แพลตฟอร์ม Continuous Delivery ที่ช่วยในการจัดการ deployment ของแอปพลิเคชัน รองรับการ deploy หลาย ๆ คลาวด์พร้อมกัน
- PagerDuty: ระบบการแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหาในระบบ production โดยอัตโนมัติ ทำให้ทีมสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว